หากคุณตรวจสอบแล้วและแน่ใจว่าคุณไม่มีปัญหาอะไร เช่น ปัญหาเกี่ยวกับเครือข่าย หรืออุปกรณ์ และเจอกับ Error 404 ให้ลองทำตามวิธีต่อไปนี้
ลองโหลดหน้าเว็บไซต์อีกครั้งโดยการกดปุ่ม F5 หรือกดที่ปุ่ม รีเฟรช/โหลดใหม่ (refresh / reload) หรือพิมพ์ URL ใหม่อีกครั้งที่ช่อง URL
การบังคับรีเซ็ทบราวเซอร์ (Hard reset)
สำหรับ Windows
กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้และกดปุ่มโหลดใหม่ (reload)
หรือ กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้และกด F5
เปิด Chrome DevTool โดยการกดที่ F12 เมื่อ Dev tools ได้เปิดขึ้นแล้ว คลิกขวาที่ปุ่มรีเฟรช (refresh) คุณจะเห็นเมนูขยายลงมา ซึ่งจะมีเมนูให้บังคับการรีเฟรช หรือเมนูสำหรับการล้างแคชและการบังคับรีเฟรชโดยอัตโนมัติ
สำหรับ Mac
กดปุ่ม ⇧ Shift ค้างไว้และกดปุ่มโหลดใหม่ (reload)
หรือกดปุ่ม ⌘ cmd และ ⇧ Shift และกด R
ตรวจสอบว่า URL มีความผิดปกติหรือไม่ ในบางกรณีระบบจะแสดงผล Error 404 เนื่องจาก URL พิมพ์ผิดหรือลิ้งค์ไปที่เว็บไซต์ที่ไม่ถูกต้อง
จาก URL ให้ลองกลับไปที่ระดับก่อนหน้า 1 ขั้น เช่น www.web.com/a/b/c.htm ทำให้เกิด 404 Not Found Error, ให้ลองไปที่ www.web.com/a/b/. หากยังเจอ Error เดิม ให้ลองกไปที่ www.web.com/a/ ซึ่งอาจช่วยให้คุณเจอเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องที่คุณต้องการและบอกได้ว่าหน้าที่คุณค้นหานั้นอาจถูกลบไปแล้ว
ค้นหาหน้าเว็บไซต์โดยใช้ Search Engine ที่เป็นที่รู้จัก ซึ่งหากคุณใช้ Google หรือ Bing ค้นหา URL ที่ไม่ถูกต้อง ระบบจะเสนอชื่อเว็บไซต์อื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องให้คุณ
หลังจากที่คุณเจอหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการแล้ว ให้ปักหมุดเป็นบุ๊คมาร์ค หรือรายการโปรด (favourite) เพื่อที่จะไม่ต้องเจอกับ Error 404 อีกในอนาคต
ให้ลองล้างแคชหากคุณคิดว่าปัญหา Error 404 อาจจะเกิดขึ้นจากคุณ เช่น คุณอาจเปิดหน้า URL ได้จากบราวเซอร์ในโทรศัพท์มือถือแต่เปิดไม่ได้ในแท็บเล็ต ให้ลองล้างแคชในแท็บเล็ตของคุณ หากลองล้างแคชแล้วยังเจอปัญหาอยู่ ให้ลองล้างคุกกี้ด้วย
เปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่คอมพิวเตอร์ของคุณใช้งานอยู่ หากคุณเจอกับปัญหา Error 404 กับทั้งเว็บไซต์ หากสามารถใช้งานเว็บไซต์ในเครือข่ายนั้นๆ ได้ (ให้ลองเปลี่ยนเป็น Google DNS 8.8.8.8 alt 8.1.1.8 หรือ Cloudflare DNS 1.1.1.1 alt 1.0.0.1)
ล้าง DNS
สำหรับ Windows
กด Windows + R เพื่อเปิดกล่อง “Run” พิมพ์ “cmd” ในกล่องข้อความและกด Ctrl+Shift+Enter เพื่อสร้างคำสั่งในฐานะแอดมิน พิมพ์ “ipconfig/flushdns” และกด Enter พิมพ์ “netsh windock reset” และกด Enter เสร็จแล้วรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์
สำหรับ Mac
เปิด Terminal > sudo killall - HUP mDNSResponder (Mac OS เวอร์ชัน Yosemite หรือใหม่กว่า) > sudo discoveryutil mdnsflushcache (Mac OS Yosemite v10.10 ถึง 10.10.3) > sudo killall -HUP mDNSResponder (Mac OS Mavericks, Mountain Lion และ Lion) >sudo dscacheutil -flushcache (Mac OS Snow Leopard)